เมื่อเร็ว ๆ นี้มีรายงานข่าวที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ Google Search โดย Google ได้เริ่มกระบวนการยกเลิกโดเมนตามประเทศ เช่น google.co.th สำหรับประเทศไทย, google.de สำหรับเยอรมนี, google.fr สำหรับฝรั่งเศส หรือ google.co.jp สำหรับญี่ปุ่น และอื่น ๆ ทั่วโลก เพื่อรวมการใช้งานทั้งหมดมาไว้ที่ google.com แทน
การเปลี่ยนแปลงนี้สร้างคำถาม ความกังวลให้กับเจ้าของเว็บไซต์ และผู้ที่ทำงานด้าน SEO (Search Engine Optimization) ว่าการที่ผู้ใช้งานค้นหาผ่าน google.com แทนที่จะเป็นโดเมนเฉพาะประเทศ จะส่งผลกระทบต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ในผลการค้นหาท้องถิ่นหรือไม่? บทความนี้จะมาไขข้อข้องใจในประเด็นนี้
ทำไม Google ถึงเลือกใช้ Google.com แทนโดเมนประเทศ (google.co.th)?
ก่อนหน้านี้ Google ใช้วิธีแยกโดเมนตามประเทศ เพื่อให้ผลลัพธ์การค้นหาเป็นแบบเฉพาะท้องถิ่น โดยอาศัย ccTLD (country-code top-level domain) ในการช่วยระบุตำแหน่งของผู้ใช้งาน และแสดงข้อมูลที่ตรงกับพื้นที่นั้น ๆ ได้อย่างแม่นยำ แต่ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในปัจจุบัน Google สามารถวิเคราะห์ตำแหน่งของผู้ใช้แบบเรียลไทม์ได้จากปัจจัยอื่น ๆ เช่น IP Address หรือสัญญาณจากอุปกรณ์ที่ใช้งาน โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาโดเมนประจำประเทศอีกต่อไป ส่งผลให้ไม่ว่าจะเข้าผ่าน URL อะไรก็ตาม Google ก็สามารถแสดงผลการค้นหาที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งปัจจุบันของผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำเหมือนเดิม
การรวมโดเมนทั้งหมดมาอยู่ที่ google.com ไม่เพียงแต่ช่วยลดความซับซ้อนของระบบเบื้องหลัง แต่ยังช่วยให้ประสบการณ์ของผู้ใช้งานเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั่วโลก ทำให้ Google สามารถปรับปรุง และดูแลระบบได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
แล้ว SEO จะได้รับผลกระทบหรือไม่?
นี่คือประเด็นสำคัญที่นักการตลาดและผู้ดูแลเว็บไซต์หลายคนกังวล แต่ข่าวดีก็คือ ตามข้อมูลจาก Google เอง การเปลี่ยนแปลงจากการใช้โดเมนประเทศมาเป็น google.com ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ (Ranking) หรือกลยุทธ์ SEO โดยตรง เหตุผลคือ Google ไม่ได้พึ่งพาโดเมนที่ผู้ใช้เข้าถึง (เช่น .co.th หรือ .com) เพื่อกำหนดว่าควรแสดงผลการค้นหาของประเทศใดเป็นหลักอีกต่อไปแล้ว แต่ Google ใช้ปัจจัยอื่น ๆ ในการระบุตำแหน่ง และนำเสนอผลการค้นหาที่เหมาะสมกับท้องถิ่นของผู้ใช้
ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ยังคงมีความสำคัญและไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงโดเมน ได้แก่
- ตำแหน่งของผู้ใช้งาน
Google สามารถตรวจจับตำแหน่งของผู้ใช้งานได้จากที่อยู่ IP, บริการระบุตำแหน่งของอุปกรณ์ (หากเปิดใช้งาน) และข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง - การตั้งค่าการค้นหาในบัญชี Google
ผู้ใช้สามารถตั้งค่าประเทศหรือภูมิภาคที่ต้องการในหน้าการตั้งค่าการค้นหาของ Google ได้ - การค้นหาที่มีการระบุตำแหน่ง
หากผู้ใช้พิมพ์คำค้นหาที่มีชื่อสถานที่ เช่น “บริษัทรับทำเว็บไซต์บางแค” Google ก็จะเข้าใจเจตนา และแสดงผลการค้นหาที่เกี่ยวข้องกับผู้ให้บริการที่รับทำเว็บไซต์แถวบางแค
ดังนั้น แม้ว่าผู้ใช้จะเห็น google.com ในแถบที่อยู่ แต่ผลการค้นหาที่ปรากฏให้เห็นจะยังคงเป็นผลการค้นหาที่ Google พิจารณาแล้วว่ามีความเกี่ยวข้อง และเหมาะสมกับตำแหน่งของผู้ใช้งานนั้น ๆ เหมือนเดิม
สิ่งที่ควรให้ความสำคัญแทนเรื่องโดเมน
เมื่อการเปลี่ยนไปใช้ google.com ไม่ใช่ประเด็นหลักที่ส่งผลกระทบต่อ SEO โดยตรง ดังนั้น ก็ต้องมุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์และปัจจัยที่สำคัญกว่า ดังนี้
- การสร้างเนื้อหาคุณภาพสูงที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ในท้องถิ่น
เข้าใจความต้องการ ความสนใจ และภาษา ของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละพื้นที่ สร้างเนื้อหาที่ให้คุณค่า และตอบคำถามเหล่านั้นได้อย่างตรงจุด - การปรับแต่ง Local SEO
ดูแล Google Business Profile ให้ข้อมูลถูกต้อง ครบถ้วน และทันสมัย, สร้าง Local Citations, และกระตุ้นให้ลูกค้าเขียนรีวิว - การใช้ Hreflang อย่างถูกต้อง (สำหรับเว็บไซต์หลายภาษา/หลายภูมิภาค)
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการใช้แท็ก Hreflang ถูกต้องตามหลัก เพื่อช่วยให้ Google เข้าใจว่าหน้าเว็บเวอร์ชั่นไหนเหมาะกับผู้ใช้ในภาษาและภูมิภาคใด ป้องกันปัญหาเนื้อหาซ้ำซ้อน - การปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้
ทำให้เว็บไซต์ใช้งานง่าย โหลดเร็ว รองรับการแสดงผลบนมือถือ (Mobile-Friendly) และมีโครงสร้างที่ชัดเจน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ Google ให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ - การวิเคราะห์ข้อมูลและปรับกลยุทธ์
ใช้ Google Analytics และ Google Search Console เพื่อติดตามประสิทธิภาพ วัดผล และทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้ในแต่ละพื้นที่ แล้วนำข้อมูลมาปรับปรุงกลยุทธ์ SEO อย่างต่อเนื่อง
แม้ Google จะปรับเปลี่ยนให้ผู้ใช้งานทั่วโลกเข้าถึงผ่าน google.com เป็นหลัก แต่ระบบยังคงแสดงผลลัพธ์ตามตำแหน่งของผู้ใช้เหมือนเดิม โดยไม่กระทบต่อข้อกฎหมายท้องถิ่นหรือคุณภาพของการค้นหาแต่อย่างใด การใช้งานยังคงเป็นไปอย่างที่คุ้นเคยเพียงแต่ออกแบบมาให้สอดคล้องกับยุคที่ทุกอย่างเชื่อมถึงกันมากขึ้น
แต่การทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายก็ยังคงเป็นสิ่งจำเป็น และต้องอาศัยความเข้าใจในปัจจัยการจัดอันดับที่แท้จริง หากต้องการผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยวางกลยุทธ์ และดูแลการทำ SEO ให้เว็บไซต์ของคุณติดหน้าแรกบน Google และเข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถติดต่อ Bizsoft ได้เลยวันนี้! เพื่อรับคำปรึกษาฟรี แล้วมาพาธุรกิจของคุณสู่ความสำเร็จบนโลกออนไลน์ได้อย่างยั่งยืนไปด้วยกัน